[RP] Virgo Geneloci

voon2re

 

 

Virgo Geneloci

 .

————————————————-
—– ข้อมูลทั่วไป —–
————————————————-

ชื่อ – นามสกุล : เวอร์โก้ เจเนโรซี่ (Virgo Geneloci)

อายุ : 27

เพศ : ชาย

น้ำหนัก/ส่วนสูง : 80/183

ผิว : ขาว (ออกแทนเล็กน้อยเพราะตากแดด)

สีตา/สีผม : Brown

เมืองเกิด : รอนโดรี่

อาวุธ / ความสามารถในการต่อสู้ :
– อาวุธที่ถนัดที่สุดคือดาบและมีด ชอบใช้ดาบสองเล่มมากกว่าเล่มเดียว
– เป็นนักดาบที่เก่งกาจไม่น้อย แต่ถ้าไม่จำเป็นก็จะไม่ค่อยยอมชักดาบออกมานัก และมักไม่โจมตีคนอื่นก่อน

.

.

.

————————————————-
—– ลักษณะภายนอก —–
————————————————-

– บุคลิคดูคล้ายพวกคงแก่เรียน มักจะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นหมอหรือนักศึกษาอยู่บ่อยครั้ง

– แต่หากสังเกตให้ดีจะพบว่าเขามีรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรงตามประสานักสู้ทั่วไป

– มักจะยิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูใจดีกับทุกคนอยู่เสมอ

.

.

.

————————————————-
—– ลักษณะนิสัย —–
————————————————-

 

– ค่อนข้างใจดีกับทุกคน แต่ก็มีขอบเขตในการตามใจ

– ไม่เข่นฆ่าทำร้ายคนเพื่อความสะใจ

– หากไม่จำเป็นต้องขัดแย้ง ก็มักเลือกที่จะโอนอ่อนตามคนอื่น

– ดูอารมณ์ดีอยู่ตลอด แต่ในเวลาที่จริงจังก็จะจริงจัง

– ขี้แกล้งพอสมควร

– พูดจาสุภาพอยู่เสมอ

– ลึก ๆ เป็นพวกชอบตีเนียน ดื้อเงียบ รักอิสระ

.

.

.

————————————————-
—– ประวัติตัวละคร —–
————————————————-

–  เป็นลูกชายคนเล็กของ เวอริค เจเนโลซี่  กัปตันของกลุ่มโจรสลัด White Wolfbats พันธมิตรของบลูไวเปอร์

– เคยเข้ารับราชการทหารและนับเป็นทหารรุ่นใหม่ที่มีฝีมือการต่อสู้ดีมากคนหนึ่ง

– เมื่อพ่อของเขาลาออกจากราชการและออกมาตั้งกลุ่มโจรสลัดเพื่อปกป้องรอนโดรี่ เวอโก้ยังติดงานรบอยู่ที่ชายแดนทวีป จึงได้ทราบข่าวช้ากว่าคนอื่น เวอริคไม่สนับสนุนให้ลูกชายออกจากราชการตามเขา แต่เมื่อไวท์วูลฟ์แบทร่วมมือกับบลูไวเปอร์ได้หลายปีเข้า ในที่สุดเขาก็ต้องการใครสักคนที่ไว้ใจได้ให้ช่วยเข้าไปจับตามองการกระทำของบลูไวเปอร์ เวอโก้ที่ไม่ได้ชื่นชอบการเป็นทหารเท่าไรนักจึงเสนอตัวและลาออกจากราชการในที่สุด ส่วนพี่ชายของเขานั้นยังทำงานเป็นทหารอยู่ในกรมเพื่อคอยส่งข่าวสารภายในให้กับพ่อของตน

– เวอโก้ขึ้นมาบนเรือของบลูไวเปอร์ในฐานะลูกเรือธรรมดา มักจะช่วยทำงานต่าง ๆ บนเรืออย่างจิปาถะ และช่วยเหลือการต่อสู้ของพวกเขาบ้างในบางสถานการณ์ แต่งานหลักของเวอโก้คือการคอยเป็นสื่อกลางระหว่างบลูไวเปอร์กับเรือพันธมิตรอื่น ๆ โดยเฉพาะกับไวท์วูฟล์แบท

– อย่างไรก็ดี ลูก้ารู้ดีว่าเวอโก้ไม่ได้ขึ้นเรือมาเพราะอยากเป็นโจรสลัด แต่เขาถูกส่งมาเพื่อให้คอยจับตามองไม่ให้บลูไวเปอร์แอบไปสร้างความเดือดร้อนให้กับชาวรอนโดรี่มากเกินไปนัก และบางคนในเรือก็พอจะคาดการณ์เรื่องนี้ได้บ้าง ทำให้ช่วงแรกความสัมพันธ์ของเวอโก้กับคนบนเรือไม่ค่อยดีนัก

– แต่หลังจากอยู่บนเรือมาหลายปี ทั้งลูก้าและลูกเรือก็เริ่มรู้สึกดีกับเวอโก้มากขึ้น เพราะเวอโก้นั้นแม้จะได้รับหน้าที่ให้มาจับตามอง แต่ส่วนใหญ่ก็เพียงแค่คอยรายงานสถานการณ์ให้ทางไวท์วูลฟ์แบททราบเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นเวอโก้ก็เป็นลูกเรือที่ดีคนหนึ่ง เขามักจะคอยช่วยเหลือคนอื่น ๆ รวมทั้งช่วยฝึกการต่อสู้ให้พวกลูกเรือฝึกหัดด้วย

– ดูเหมือนว่าในช่วงหลังเขาจะเริ่มพอใจกับชีวิตที่ได้ผจญภัยไปในที่ต่าง ๆ แบบโจรสลัดเสียแล้ว บางครั้งที่พวกบลูไวเปอร์ทำเรื่องป่วน ๆ เขาจึงงดรายงานความจริงต่อไวท์วูลฟ์แบทเสีย

– ลูก้าค่อนข้างพอใจที่เวอโก้ดูเอนเอียงที่จะเป็นคนของบลูไวเปอร์มากกว่าจะเลือกเป็นคนของไวท์วูลฟ์แบท ทำให้ช่วงหลังเขาสนิทกับเวอร์โก้มากขึ้น อาจจะเรียกได้ว่าเขาเป็นคนโปรดอีกคนนึงของลูก้าก็ว่าได้

.

.

.

————————————————-
—– อุดมการณ์ —–
————————————————–

– ต้องการรักษาความสงบสุขของรอนโดรี่ไม่ต่างจากพ่อของเขา

– เพื่อการนั้นแล้วเขาค่อนข้างไว้ใจบลูไวเปอร์ แม้การได้อยู่ใกล้ชิดจะทำให้เขารู้ว่าการพิทักษ์รอนโดรี่ไม่ใช่เป้าหมายหลักของบลูไวเปอร์ก็ตาม

.

.

.

————————————————-
—–  Contact —–
————————————————-

Virgo’s Twitter : @NPC_BV

 .

vooncolorre

 

 

 

 

Posted in RP | Leave a comment

[RP] Crew

.

Banner-Crewre

—– สมาชิกบนเรือ —–

.

.

WantedLukare

WantedGaiusre

 

.

.

Posted in RP | Leave a comment

[RP] Log

.

Banner-logre

—– บันทึกการเดินเรือ —–

.

.

มิถุนายน M.A. 118

Chapter 0 : ข่าวลือเรื่องของ “เงือก” อสุรกายแห่งท้องทะเลเริ่มแพร่สะพัดไปทั่วทวีป แต่หลักฐานมีเพียงซากศพของคนที่ลอยมาติดชายฝั่ง ซึ่งคาดการณ์กันว่าจะเป็นฝีมือของเงือก แต่ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเรื่องราวของเงือกนั้นจะเป็นความจริงหรือไม่ และเป็นความจริงมากน้อยแค่ไหน

– รับลูกเรือใหม่ 1 คน คือเอริโก้

– เดียบาวน์กลับจากดูมดอว์น

– มีลูกเรือเก่าที่ลงจากเรือ คือ เกอด้า (หายไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ คาดว่าจะออกเดินทางไปต่ออย่างอิสระ) สโนว์ (ไม่ทราบสาเหตุ) เฟลอร์เบียร์ (ป่วยจากโรคร้าย) และแซงค์ (ออกไปทำภารกิจอื่น) วาส (เป็นสปายและกลับไปยังลิเวียธาน แต่บลูไวเปอร์ยังไม่รู้เรื่องนี้)

.

.

กรกฎาคม M.A. 118

– รับลูกเรือใหม่ 3 คน คือ มาร์ติน วอน และเฟน

การเดินทางอิสระ “ผาเรือแตก” : บลูไวเปอร์หยุดพักที่เกาะแห่งหนึ่งเพื่อหาเสบียง ที่นั่นมีหมู่บ้านอยู่ริมชายฝั่ง และคนของหมู่บ้านก็ให้การต้อนรับโจรสลัดเป็นอย่างดี…ดีจนพวกเขาเกิดความสงสัย เมื่อหัวหน้าหมู่บ้านออกไปประชุมกับคนในหมู่บ้าน บลูไวเปอร์จึงส่งคนตามไป ก่อนที่จะได้พบความจริงว่าที่จริงแล้วคนในหมู่บ้านนั้นคือ “ภูติฉลาม” เมื่อพวกมันรู้ตัวว่าความแตก มันจึงออกไล่ล่าพวกเขา แต่พวกเขาก็รอดมาได้ด้วยการที่ลูก้าใช้ระเบิดที่ได้จากชาโต้ยัดเข้าไปในถังปลาที่เปื้อนเลือดของชาโต้ ทำให้ฉลามไปรุมกินถังปลานั้นแล้วก็ถูกระเบิดเข้าเต็ม ๆ จนร่างของพวกมันกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยไปทั่ว

การเดินทางอิสระ “หญิงสาวกับแมวน้ำ” : บลูไวเปอร์เดินทางขึ้นเขตเหนือ ที่นั่นพวกเขาได้พบกับหญิงใบ้คนหนึ่งถูกจับขังไว้ในกรงบนโขดหิน ที่กรงมีผ้าลงอักขระพันไว้ โดยคนแรกที่สังเกตเห็นนางคือมาร์ติน แต่เพราะในเขตเหนือมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสัตว์ลึกลับในทะเลอยู่มาก ลูกเรือส่วนใหญ่จึงเกรงว่านางจะเป็นสัตว์ร้ายที่จำแลงกายมาจึงลงความเห็นกันว่าจะไม่รับขึ้นเรือ และได้นำน้ำกับอาหารไปวางไว้ให้นางเท่านั้น ในภายหลังเมื่อไปถึงฝั่ง ลูก้าได้สั่งให้วาเลนไทน์กับซาบี้ไปว่าจ้างเรือประมงลำหนึ่งให้ย้อนกลับไปช่วยนางให้ หลังจากที่นางถูกปล่อยออกจากกรง นางก็กระโดดน้ำหนีหายไปกับฝูงแมวน้ำ โดยทิ้งไข่มุกราตรีที่ส่องแสงได้ในที่มืดไว้ให้กับชาวประมงแทนคำขอบคุณ ดูเหมือนว่านางจะเป็น “เซลกี้” ปีศาจครึ่งคนครึ่งแมวน้ำที่มักจะซ่อนกายอยู่ในฝูงแมวน้ำนั่นเอง

การเดินทางอิสระ “สมบัติสลัดวิล” : บันทึกโจรสลัด 100 ปี ได้กล่าวไว้ถึงขุมทรัพย์ที่ซ่อนไว้ของโจรสลัดวิลเลี่ยม เกรเกอรี่ ผู้ถูกลูกเรือหักหลังจนต้องตายกลายเป็นศพเฝ้าสมบัติอยู่ในถ้ำ ภายหลังบลูไวเปอร์ได้แผนที่สมบัติมาจากการปล้นเรือ ทำให้พวกเขาเดินทางมาถึงถ้ำดังกล่าวได้สำเร็จ สมบัติถูกซ่อนไว้ โดยในถ้ำมีแท่นพิธีบางอย่างอยู่ พวกเขาจึงช่วยกันหาของที่จะนำมาวางบนแท่นพิธี โดยไกอัสและND เป็นคนพบเข็มกลัดลิลลี่ฝังมุก (พฤกษาแห่งความพิสุทธิ์) พวกเขาใช้แหวนทับทิมที่ได้จากศพของโจรสลัดวิลเลี่ยมเปิดเข้าไปในห้องที่ใช้เก็บ มาร์ตินและวอนพบเหยือกน้ำคริสตัล (แก้วกังวาล) อยู่ข้างเตียงของรูปสลักหินของหญิงสาวคนหนึ่ง ชิ้นสุดท้ายพบโดยวาเลนไทน์ ซาบี้ และมาร์ตินที่มารวมตัวกันภายหลัง พวกเขาได้พบกรงนกคานารี่ (วิหกทองคำ) เก็บอยู่ในห้องที่มีประตูเหล็กกั้น และได้ใช้คาถาจากห้องเอกสารมาอ่านเพื่อปลดล็อกประตู เมื่อนำของทุกอย่างมารวมกันที่แท่นพิธี รูปปั้นยักษ์หินที่เป็นองครักษ์เฝ้าสมบัติก็ขยับ มันดึงหีบสมบัติออกมาจากกลางอกแล้วมอบให้พวกเขาในที่สุด หลังจากนั้นน็อกซัสก็พบจดหมายของกัปตันวิลเลี่ยมอยู่ในตัวศพ จึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วถ้ำนี้เป็นเสมือนสุสานที่เตรียมให้สำหรับ “ลิลลี่” ลูกสาวของเขาที่เสียชีวิตไปก่อนแล้ว แต่ไม่มีศพของลูกอยู่ มีเพียงรูปสลักหินที่ดูเหมือนเธออยู่เท่านั้น เธอมีชีวิตขึ้นมาในช่วงสั้น ๆ ที่วอนกลับไปดู แต่เมื่อพบว่าพ่อของเธอเสียชีวิตไปแล้ว ลิลลี่ก็ได้กลับกลายไปเป็นรูปปั้นหินอีกครั้งหนึ่งเนื่องจากเวทมนตร์ของกัปตันวิลเลี่ยมได้เสื่อมลงพอดี

– ช่วงปลายเดือนบลูไวเปอร์ได้เดินทางขึ้นเหนือเพื่อไปร่วมงานเทศกาล “Frozen Tears” ซึ่งมีทั้งการซื้อขายประมูลคริลตัลน้ำแข็ง รวมถึงการแข่งขันแกะสลักน้ำแข็งด้วย (เป็นเหตุการณ์การเดินทางอิสระของลิเวียธาน)

.

.

 

Posted in RP | Leave a comment

[RP] Chapter 0 : At Goldenleaf Shore

.

Entry นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Community ‘Rising Pirates
Rating : PG
Word count : ประมาณ 1,181 คำ
Other Characters : ไวแอต

.

.

—– Chapter 0 —–

At Goldenleaf Shore

.

ไม่มีใครรู้ว่าข่าวแรกหลุดออกจากปากของผู้ใด ทว่าในชั่วข้ามคืนเรื่องราวของเงือกก็กลับแพร่สะพัดไปทั่ว มันคืออสูรที่ทำให้ผู้คนซึ่งอาศัยอยู่ทั้งริมฝั่งและในทะเลต้องตกอยู่ในฝันร้าย และคนเดียวที่พิชิตมันได้ก็ถึงกับถูกเรียกขานว่าเป็นเจ้าแห่งโจรสลัดผู้ไม่มีใครกล้าต่อกร

หากแต่นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดข่าวลือเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดร้ายในทะเล บางครั้งก็เป็นข่าวที่มีมูลความจริง บางครั้งก็เป็นข่าวลวงที่คนสักกลุ่มตั้งใจปล่อยออกมาเพื่อสร้างผลประโยชน์ให้ตัวเอง และบางครั้งก็เป็นเรื่องราวจากพวกขี้อำ…อย่างเรื่องราวจากกัปตันลูก้าแห่งบลูไวเปอร์เป็นต้น

“ใหญ่กว่าเงือกข้าก็ปราบมาแล้ว” เขาเกริ่นเสียงดังขณะที่ยังถือแก้วเหล้าติดมือ เขาชูมันยื่นไปเบื้องหน้าเล็กน้อย “ข้าจะเล่าให้ฟังว่าบลูไวเปอร์ต่อสู้ยังไงตอนที่พวกเราเจอวาฬน้ำแข็งที่เขตเหนือ เขาของมันเกือบงัดเรือของเราพลิกคว่ำ แต่ข้าก็สั่งให้พลปืนยิงสกัดมันไว้ได้ทัน ข้าหยิบปืนแล้วโผไปยืนตรงกราบเรือ เล็งไปที่ดวงตาของมัน”

“เจ้าจะถามว่าข้ายิงโดนหรือเปล่างั้นหรือ” เขาหยุดแล้วหัวเราะเสียงดัง “เจ้าคิดว่าข้าเป็นใคร กัปตันลูก้า โมโรนี่นะเว้ย แม้แต่มดที่ยืนอยู่บนหัวเสากระโดงเรือข้าก็ยังยิงโดน แล้ววาฬตัวเท่าเรือทำไมข้าจะยิงไม่โดนล่ะวะ”

วงเหล้าของชาวประมงแห่งรอนโดรี่เฮฮายิ่งขึ้นเสมอเมื่อมีใครสักคนเริ่มโม้เกินจริง คนอื่น ๆ เริ่มโห่ฮากึ่งแซวเพราะพวกเขารู้ดีว่าเรื่องเล่าจากกัปตันแห่งบลูไวเปอร์นั้นมักจะมีความจริงอยู่สักเจ็ดสิบเปอร์เซ็น และเรื่องโม้เอามันอีกสักสามสิบเปอร์เซ็น (บางครั้งก็เป็นเรื่องโม้สักเจ็ดสิบเปอร์เซ็น หรือทั้งหมดเลย) แต่นั่นก็ดีกว่าการนั่งดื่มกันเงียบ ๆ แล้วพูดคุยกันแต่เรื่องราคาปลาในตลาดวันนี้หรือเรื่องเมียของแต่ละคนอยู่ดี

“อันที่จริงแล้วถ้าพูดถึงเงือก ข้าคิดว่าข้าก็เคยพบมัน” พอดื่มเหล้าเข้าไปได้ที่ นิทานเรื่องใหม่ก็เกิด “มันปีนขึ้นเรือของเรา..ใช่ ๆ มันทั้งเร็ว ทั้งแข็งแกร่ง รูปร่างคล้ายพวกเรามาก เหมือนลิงที่อาศัยอยู่ในน้ำ แต่ถึงจะเร็วแค่ไหนก็สู้ปืนของข้าไม่ได้อยู่ดี ลูกเรือของข้าช่วยสกัดมันไว้ให้ขณะที่ข้ายกปืนขึ้นเล็ง…”

“ถึงจะแกร่งแค่ไหน ถึงจะถูกเรียกว่าอสูร แต่สุดท้ายก็แค่สัตว์” เขาเหยียดยิ้มมุมปากขณะที่ยกแก้วขึ้นเตรียมดื่ม “ท้ายที่สุดแล้วมนุษย์อย่างเราจะมีหนทางมากมายที่จะต่อกรกับมัน เชื่อข้าสิ”

เมื่อเขาเล่าเรื่องโกหกออกไปแล้วคนทั้งวงรู้ว่าเขากำลังโกหก พวกชาวประมงก็จะยิ้ม แค่นขำ หรือแกล้งแซวกลับมา ถามอย่างกึ่งเล่นกึ่งจริงว่าโกหกหรือเปล่า บางคนก็โห่ฮาไปตามเรื่อง แต่ไม่ใช่ในครั้งนี้…คนทั้งวงเงียบไปอึดใจหนึ่ง ดวงตาสีน้ำเงินของลูก้ากวาดมองทุกคนโดยรอบ พวกชาวประมงพยายามยิ้มเจื่อนกลบเกลื่อนแต่กลับมีสายตาคล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอด บางคนก็หลุบสายตาลงมองแก้วเหล้าที่กำลังดื่ม บางคนก็เสมองไปทางอื่น

ไวแอตที่นั่งอยู่ไม่ห่างส่งสายตามองเขาเหมือนจะบอกว่าตนสามารถรับรู้ได้ถึงความผิดปกตินี้เช่นกัน กลุ่มชาวประมงไม่เหมือนคนกลุ่มอื่นในทวีป ขณะที่คนอื่นค่อย ๆ ลืมเลือนเรื่องราวของเงือกไป แต่ชาวประมงนั้นได้รับทั้งคำเตือนและได้ฟังทั้งเรื่องเล่าจากผู้ใหญ่ในครอบครัวมาตั้งแต่เล็ก

ลูก้าไม่รู้ว่าแต่ละคนได้ยินเรื่องราวของเงือกมาอย่างไร แต่ดูจากท่าทีที่แปลกไปจากทุกครั้งเช่นนี้มันทำให้เขารู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องตลก ทุกคนไม่เชื่อในเรื่องที่เขาเล่า ไม่ใช่ความคิดแม้แต่น้อยที่จะเชื่อว่ามีใครสักคนในปัจจุบันนี้ที่จะสามารถต่อกรกับสัตว์ร้ายที่ถูกเรียกว่าเงือกได้ ทั้งยังกังวลถึงอนาคต…อนาคตของคนเรือที่ผูกติดไว้กับชายฝั่งและผืนทะเล ความรู้สึกที่ปั่นป่วนอยู่ในใจเช่นนั้นมันทำให้พวกเขายิ้มได้ไม่เต็มที่เท่าไรนัก

ในความคิดของชาวประมงเหล่านี้พวกมันแข็งแกร่งเพียงใดกันหรือ
แม้แต่โจรสลัดหรือราชนาวีที่เก่งกาจที่สุดก็ยังไม่น่าจะต่อสู้กับพวกมันได้อย่างนั้นเลยหรือ

จากที่คิดว่าเงือกอาจจะเป็นเพียงเรื่องเล่าไร้สาระจากคนเฒ่าคนแก่ ลูก้าเริ่มรู้สึกได้ถึงความกลัวของผู้คนที่มีต่อเงือก ไม่ใช่แค่กึ่งเชื่อกึ่งไม่เชื่อเช่นเขา แต่ผู้คนเหล่านั้นเชื่อจริง ๆ ว่าเงือกอาจจะทำให้วิถีชีวิตและพื้นที่ชายฝั่งที่เป็นบ้านเกิดของพวกเขาพังราบไม่เป็นชิ้นดี

ตอนนี้ลูก้าเริ่มตระหนักได้ว่าเขาจะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านหูไปโดยไม่ปักใจกับมันไม่ได้ หากมันไม่จริงก็ดีไป แต่หากการกลับมาของเงือกเป็นเรื่องจริง มันอาจทำลายทุกสิ่งลงโดยที่เขาไม่อาจทำอะไรได้ และแน่นอนว่าเขาเกลียดที่สุด…เกลียดช่วงเวลาที่รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถทำหรือแก้ไขอะไรได้เลย

เขาพยักหน้าเล็กน้อยให้ไวแอตที่คอยเฝ้าดูอยู่เป็นเชิงว่าเข้าใจแล้ว เมื่อพวกเขากลับไปถึงเรือพวกเขาคงจะต้องนั่งลงคุยกันถึงเรื่องนี้ ข่าวสารที่จำเป็น ข่าวสารที่มีมูลความจริง เขาต้องการจะรู้มันทั้งหมด ทุกอย่างนั้นก็เพื่อจะรักษาทุก ๆ สิ่งไว้ ทั้งชีวิตและวิถีทางของพวกเขา เพราะมันยากเหลือเกินที่เขาจะนึกภาพตัวเองกลับขึ้นไปใช้ชีวิตบนบกอย่างสงบสุขและห่างไกลจากทะเล เพียงเพื่อจะหนีจากสัตว์ประหลาดจากเพียงกลุ่มเดียว

“อย่างไรก็ดี” เขาเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบของวงเหล้าอีกครั้ง “ทะเลรอนโดรี่เป็นของข้า…แล้วก็เป็นของพวกเจ้า ดังนั้นต่อให้มันเป็นสัตว์ประหลาดแบบไหน หรือจะเป็นใครหน้าไหน ข้าก็ไม่มีวันยกทะเลผืนนี้ให้”

แก้วเหล้าถูกยกขึ้นอีกครั้งแทนคำเชิญ ชาวประมงรอบวงยื่นแก้วเข้ามาชนกันด้วยความเคยชิน แม้ว่าบางคนจะยังดูใจลอยเพราะยังคงคิดถึงอนาคตอันน่าหวาดหวั่นอยู่ก็ตาม

“อะไรที่เป็นของบลูไวเปอร์ คนอื่นจะไม่มีวันได้มันไป…จำคำข้าไว้” น้ำเสียงของเขาเรียบง่ายทว่าเอ่ยด้วยความหนักแน่น นั่นเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่ลูก้าจะกลืนเหล้าชั้นดีลงคอไปจนหมดแก้วในที่สุด

.

.

Posted in RP | Leave a comment

[EXPIV] ประกาศผลการรับสมัครแพทย์ประจำเรือ

.

BlueViperFlagreBLUE VIPER

.

จากผู้สมัคร 5 ท่านซึ่งประกอบด้วย
– บาสเตียน ไลห์เนอร์
– เอริโก้ เฮอนันเดส ฟาริซ
– โรเบอโต้
– น็อกเซียส เอลเดอร์
– อัลเบิร์ต เอ็ม โนว่า

.

ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกคือ

บาสเตียน ไลห์เนอร์

[ ประวัติ ]

.

ขอแสดงความยินดีด้วย
จงเตรียมตัวโดนใช้งานเยี่ยงทาสได้เลย /กิกิกิกิ

อย่าลืมส่งประวัติที่เสร็จสมบูรณ์แล้วให้ท่านแม่งานด้วย
และสร้างทวิตของเจ้าไว้ด้วยก็ดีนะ ข้าจะได้ติดต่อง่าย ๆ
ส่งชื่อสไกป์ให้ข้าหลังไมค์ด้วยล่ะ
สุดท้าย ตอนนี้มีการลงทะเบียนอีเวนท์หลักอยู่ด้วย
เจ้ารีบเข้ามาล่ะ ข้าจะได้ส่งรายละเอียดให้

.

ขอบคุณผู้สมัครทุกท่านที่ให้ความสนใจสมัครขึ้นเรือของเรา
จริง ๆ แล้วมีหลายท่านจากรายชื่อข้างต้นที่ทางเราอยากให้เข้ามาร่วมผจญภัยไปด้วยกัน
แต่เนื่องจากครั้งนี้มีตำแหน่งว่างจำกัดจริง ๆ จึงต้องเลือกรับคนเดียวตามที่ได้ประกาศไว้
หวังว่าจะได้พบพวกท่านอีกในโอกาสต่อไป

.

.

.

Posted in EXPIV | Leave a comment

[EXPIV] ประกาศรับสมัครแพทย์ประจำเรือ

 

BlueViperFlagreBLUE VIPER

.

ตำแหน่งว่าง : หัวหน้าทีมแพทย์ 1 คน

คุณสมบัติ :
– เพศชาย
– อายุไม่ต่ำกว่า 35 ปี
– มีความรู้ความสามารถด้านการแพทย์ (ตามแบบยุคศตวรรษที่ 18)
– มีพื้นฐานการต่อสู้บ้าง
– ไม่ต้องมีประสบการณ์บนเรือโจรสลัดก็ได้
– เย็บแผลมือเบา ๆ (…)

.

หน้าที่รับผิดชอบบนเรือ :
– ดูแลอาการบาดเจ็บของทุกคนในเรือ
– ฝึกสอน

หน้าที่รับผิดชอบในคอมมู :
– มีเวลาพอที่จะเล่น
– ไม่ว่างโรลไม่เป็นไร แต่อย่าขาดการติดต่อไปเฉยๆ
– ส่ง Main Event ทุกครั้ง
– สำหรับอีเวนท์อื่นๆสามารถไม่ทำอีเวนท์ได้ 2 ครั้งติดกัน
– จะเลือกทำหรือไม่ทำก็ได้สำหรับ Quest
*มีความจำเป็นต้องส่งช้า สามารถแจ้งแม่งานล่วงหน้าได้*
*ไม่สามารถส่ง Main Event ได้ – ไม่สามารถมาโรลได้ในกิจกรรมใดๆ
ให้แจ้งกัปตันล่วงหน้าเพื่อหาคนทำหน้าที่แทน*
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : ตำแหน่งสำคัญต่างๆ บนเรือ

.

สิ่งที่ต้องส่งมา :
– ประวัติ ไม่มีรูปก็ได้ มีรูปก็ดี เขียนบรรยายลักษณะคร่าวๆแทนได้
– โปรดตอบคำถามต่อไปนี้แนบท้ายประวัติมาด้วย
1. เมื่อลูกเรือขาหัก เจ้าจะรักษาอย่างไร
2. เมื่อลูกเรือถูกแทงจนอวัยวะภายในบาดเจ็บ เจ้าจะรักษาอย่างไร
3. ทำไมถึงอยากสมัครเข้ามา (ตอบในฐานะผปค.)
– โปรดอย่าลืมแนบที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้มาด้วย (เช่น ทวิตเตอร์)

.

ข้อควรรู้เกี่ยวกับเรือ :

น่านน้ำ 1 : ฟินเชอรี

ความเป็นมาของ Blue Viper

ประวัติกัปตันเรือ : Luka Moroni

กฏของเรือ

หากต้องการทราบเรื่องอื่น ๆ สามารถเข้าดูได้ที่หน้า Blue Viper

ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ @Luka_BV

.

[ ส่งประวัติได้ที่นี่ ]

หมดเขตวันที่ 5/3/2558
ประกาศผลประมาณวันที่ 6/3/2558
เนื่องจากแถว ๆ วันที่ 7 จะมีการลงทะเบียน Main Event
จึงอยากให้หมอคนใหม่ได้เข้าร่วมด้วยอีเวนท์ด้วย ทำให้มีการปิดรับและประกาศผลเร็ว
แต่หากถึงวันที่ดังกล่าวแล้วยังไม่มีผู้สมัครที่เหมาะสม จะทำการเปิดรับต่อไป

.

.

.

Posted in EXPIV | Leave a comment

[EXPIV]-Mini Event LV-Bachelor Night Party : Grow Up

.

logosmEntry นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Community PIRATE-IV
และ
Mini Event : LV-Bachelor Night Party

.

Rating : PG
Word count : ประมาณ 2,823 คำ
Characters : ราเกซ, เซธ, แซงค์
Author’s Note : เขียนเรื่องเกี่ยวกับราเกซอีกแล้ว… /นั่งกำทรายแปบ /ก็มันเป็นมินิเวนท์ปาร์ตี้ลิเวียธานนี่… แล้วก็เหมือนเป็นตอนต่อจากเวนท์ข้าคือแบบกลาย ๆ เลยล่ะนะ

.

.

.

Grow Up

.

.

รู้จักทั้ง

รสขมเฝื่อนนุ่มนวลของสุราและกลิ่นควันหอมหวานแสบซ่านจากยาสูบ

สองมือไล้ลูบตามหารสรักจากร่างกายคนแปลกหน้า

สรรหาความพึงใจเมื่อถูกเยินยอสรรเสริญด้วยเกียรติยศอันว่างเปล่า

และโกรธเกรี้ยวสั่นเทาเจ็บปวดในยามที่ของรักถูกช่วงชิง

เป็นได้ทั้งเทพเจ้าผู้ปลอบโยนผู้คนด้วยเมตตา เป็นได้ทั้งอสรพิษร้ายร่างแปลงแห่งซาตาน

บางครั้งอ่อนโยน บางครั้งแข็งกร้าวและชั่วช้า

ข้า เติบโตขึ้นแล้ว

.

งานเลี้ยงที่ถูกจัดขึ้นโดยลิเวียธานนั้นค่อนข้างแตกต่างจากงานฉลองวันขอบคุณพระเจ้าของทางราชนาวีอยู่ไม่น้อย อาหารหรูหราเทียมเท่าทว่ากลับขัดกับภาพลักษณ์ของผู้เข้าร่วมโดยสิ้นเชิง พวกเขาล้วนแต่งกายอย่างที่ไม่อาจเรียกได้ว่าสะอาดสะอ้านแต่ก็ไม่อาจเรียกว่ามอซอได้เต็มปาก ตามประสาโจรสลัดทั่วไปที่ไม่ได้สนใจกฏเกณฑ์ของสังคมภายนอกนัก แม้กิจกรรมที่เวทีกลางจะกำลังดำเนินไปทว่ารอบข้างก็ยังเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกวุ่นวายและมีเสียงเฮโลดังโร่ขึ้นเป็นพัก ๆ ยามที่มีใครสักคนทำอะไรบ้า ๆ จนกลายเป็นที่ถูกอกถูกใจขึ้นมา

ข้าเดินเข้ามาภายในงาน ละสายตาจากใบหน้าของคนกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าเพื่อมองหากัปตันราเกซ อัล-ซาบาค มันเป็นมารยาทเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ข้ายังคงยึดถือไว้ ในเมื่อเขาเป็นผู้เชิญมาร่วมงาน ข้าก็ควรจะไปทักทายเขาเสียก่อนที่จะเริ่มดื่มเหล้าเคล้าเสียงดนตรีใด ๆ ที่เจ้าภาพได้จัดหาไว้ให้

“ไง! ข่าวว่าเจ้าไปเชวาเรียมา นึกว่าจะมาไม่ทันแล้วซะอีก” กัปตันเรือลิเวียธานเอ่ยทักข้าเมื่อเห็นหน้า น้ำเสียงขึงขังเต็มไปด้วยพลัง แม้จะเป็นคำพูดทักทายตามปกติ แต่เพียงเท่านั้นกลับตีตะกอนของความทรงจำเก่า ๆ ขึ้นมาได้ง่ายดาย

ข้ายิ้มให้เขา บางทีอาจจะเป็นรอยยิ้มที่ดูเหนื่อยล้าอยู่บ้างเพราะการเดินทางยาวนานก่อนหน้านี้ แต่อย่างไรก็ดี ข้าตั้งใจมาที่นี่เพื่อผ่อนคลาย ใช่…สักแปดส่วนที่เป็นการพักผ่อน อีกสองส่วนนั้นเป็นความคาดหวังเล็ก ๆ ว่าการที่ได้มาร่วมงานเลี้ยงที่สนุกสนานด้วยกันเช่นนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเรือดำเนินไปได้ด้วยดียิ่งขึ้น

มองหาผลประโยชน์ตลอดเวลา…หลายคนมองข้าเช่นนั้น แต่จะให้ทำยังไงได้ การก้าวเท้าเดินไปทางไหนต่อไหนโดยไม่มีเรื่องงานอยู่ในหัวนั้นข้าทำไม่เป็นเสียแล้ว

“ข้ามาทางลัดน่ะ…ตัดผ่านน่านน้ำฟอร์มอสต้ามาเลย ยังไงก็อย่าไปบอกไอ้ราห์เชนมันล่ะ” ข้าเอ่ยหยอกทีเล่นทีจริงก่อนนั่งลงข้าง ๆ

ครั้งสุดท้ายที่พวกเรานั่งอยู่ข้างกันเช่นนี้คงเป็นเมื่อครั้งที่เราประชุมลับกันที่ร้านเหล้าแห่งหนึ่ง ในยามนั้นมีทั้งเบคแกร์และรีสอยู่ด้วย แต่ในตอนนี้ไม่มีใครอื่น อย่างน้อยก็ไม่มีอยู่ในระยะที่จะเอื้อมมาฟังได้ถึงบทสนทนาของพวกเรา มันจึงให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลายและเป็นส่วนตัวกว่ากันมากนัก

ยาสูบในโถทรงประหลาด หรือที่เราเรียกมันว่าบารากุ ปลายข้างหนึ่งของมันถูกส่งมาให้ข้า ต้องยอมรับว่าข้าสูบมันเข้าไปอย่างไม่ใคร่จะเต็มใจนัก แต่หลังจากนั้นฤทธิ์ยาก็ทำงานของมันได้ดีพอที่จะทำให้ลืมความหงุดหงิดใจเล็ก ๆ นั้นไปได้ รวมทั้งความอ่อนล้าที่ติดค้างอยู่ในร่างกายก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ ผ่อนคลายลงด้วยเช่นเดียวกัน

พวกเราเริ่มบทสนทนาด้วยเรื่องของการบริหารคน แต่ต่อมากลับเป็นเรื่องของเหล่าหญิงงามภายในเรือ…อันที่จริงต้องเรียกว่าชาย ‘จิลเลี่ยน บลิสท์’ นายแพทย์ประจำเรือที่คอยอยู่เคียงข้างราเกซเสมอ รวมทั้งเรื่องของเหล่าลูกเรือที่ทำงานใกล้ชิด…ข้าอยากรู้ว่ามีใครบ้างที่เป็นคนสนิทของเขา คนที่กัปตันราเกซให้ความไว้วางใจได้จริง ๆ

ดำเนินไปด้วยเรื่องสัพเพเหระ แต่เป้าประสงค์จริง ๆ คือสิ่งนี้ และบางทีกัปตันแห่งลิเวียธานอาจจะรู้ก็ได้ เขาจึงดูไม่สู้จะอยากเอ่ยถึงเหล่าคนสนิทนัก

ครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องของงาน อีกครึ่งเป็นเรื่องของความวางใจโดยที่ข้าไม่อาจโกหกตัวเองได้ ข้าอยากรู้ว่าสำหรับราเกซแล้วมีใครบ้างที่เป็นที่พึ่งพาได้โดยแท้จริง อย่างเช่นตอนที่ได้เห็นว่าเขามีจิลเลี่ยนอยู่เคียงข้าง เสี้ยวหนึ่งมันทำให้ข้าขัดใจเหมือนเจอก้างชิ้นโตที่ทำให้ไม่อาจดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ได้สะดวกนัก อีกเสี้ยวหนึ่งมันทำให้ข้าโล่งใจว่าแม้ไม่มีข้า-เด็กคนนั้น-อยู่ข้างเขา แต่ก็ยังมีใครสักคนที่คอยดูแลและเป็นกำลังให้

และเสี้ยวหนึ่ง…มันกลับทำให้ใจของข้าร้อนเป็นไฟ ความริษยาที่เงียบงันในอก…ข้าเก็บซ่อนมันไว้ หลอกล่อให้ตัวเองเชื่อว่ามันไม่มีอยู่จริง และประทับตรายืนยันให้หนักแน่นยิ่งขึ้น ด้วยการปักใจเชื่อว่าราเกซ อัล-ซาบาค หรือ ‘นายท่าน’ ที่ข้าเคยรู้จักและมอบให้ได้แม้กระทั่งชีวิตนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว

ข้ามองเงาสะท้อนในน้ำ มองภาพของตัวเองแล้วเอ่ยถาม ว่าคนที่จะสามารถก้าวขึ้นมาเป็นเจ้าแห่งน่านน้ำได้ด้วยกำลังของตัวเองนั้นต้องเผชิญกับอะไรมาบ้าง ตัวตนของเขาจะแปรเปลี่ยนไปเพียงใด ภาพเงาบิดเบี้ยวของตัวเองในคลื่นน้ำได้กลายมาเป็นคำตอบให้ข้าได้โดยไม่ต้องขบคิดนานนัก

เปลือกหอยชิ้นเดียว ขนมปังก้อนเดียว ช่วงชีวิตที่ได้อยู่ร่วมกันเพียงครั้งเดียว

ทุกสิ่งที่มีความสำคัญต่อข้า ความทรงจำอันแสนสั้นที่หล่อหลอมและผลักดันให้ข้าเป็นดั่งเช่นตัวข้าในตอนนี้ มันคงไม่มีเหลืออยู่ในความทรงจำของเขาอีกแล้ว แม้ว่าเปลือกหอยชิ้นนั้นจะยังอยู่บนสร้อยข้อมือเส้นหนึ่งที่ข้าสวมใส่อยู่เสมอ และขนมปังก้อนเดียวในมื้อเช้าบางครั้งก็สามารถทำให้ข้าหวนคิดถึงช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ได้อยู่ร่วมกันในครั้งนั้น ช่วงเวลาหนึ่งที่มีค่าที่สุดสำหรับข้า

แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ไม่ใช่นายของข้า ไม่ใช่คนที่ข้ารู้จัก ไม่ใช่อีกแล้ว…

ระหว่างนั้นบรรยากาศงานเริ่มย่ำแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด ไอ้เด็กเวร ‘เซธ’ อาศัยเกมทรูออแดร์ที่ทุกคนกำลังเล่นกันมาเป็นเครื่องมือในการแกล้งลูกเรือของข้าจนเกือบจะมีเรื่องกับแซงค์ผู้ไม่ค่อยรู้จักยินดียินร้ายหรือสนุกสนานกับงานฉลองนัก ที่แซงค์ดูหงุดหงิดเป็นพิเศษก็คงเป็นเพราะเซธเคยฉวยโอกาสเล่นงานพวกเรามาก่อน จากนั้นมันก็หนีมาหลบเข้าร่มเงาของลิเวียธาน ไอ้ขี้ขลาดนั่น…

อย่างไรก็ดี ราเกซไม่ได้รู้เรื่องนี้ด้วย และดูจะเกิดโทสะเพราะท่าทีเอาเรื่องของแซงค์อยู่ไม่น้อย คงไม่ต่างจากข้าที่อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก ส่วนหนึ่งก็เพราะการกวนอารมณ์ของเซธ อีกส่วนก็เพราะการวางท่าของกัปตันราเกซในช่วงหลังจากนั้น แม้ว่าข้าจะเล่าย้อนถึงที่มาที่ไปของความขุ่นเคืองระหว่างพวกข้ากับไอ้หนูนั่นไปแล้ว ก็ดูเหมือนจะไม่ได้ทำให้อารมณ์ของกัปตันแห่งลิเวียธานคลายลงนัก

“จะตัดแขน ทึ้งเนื้อหนังมันยังไงก็ช่าง แต่ลมหายใจสุดท้ายมันเป็นของข้าเท่านั้น ถ้าขืนเจ้าแย่งมันไป เลือดหัวเจ้าจะออกอย่างไม่ไว้ไมตรีก็อย่ามาโทษข้า…ข้าพูดจริงนะไอ้หนู” เขาสำทับปิดท้ายในเรื่องของการลงโทษเจ้าเซธ

ช่างยั่วโมโหข้าได้ดีเหลือเกิน…พูดจาเอาแต่ใจนักว่าให้ข้าละเว้นชีวิตมัน ทั้งที่มันจ้องจะเชือดคอข้าอยู่ตลอด แม้จะตอบเออออไปตามน้ำเพื่อรักษาบรรยากาศ แต่ใจจริงแล้วคำตอบของข้ายังคงเดิม ถ้าไอ้เด็กเวรนั่นมันเบี่ยงคมมีดมาทางข้าเมื่อไร กระสุนได้เจาะเข้าที่คอหอยมันแน่

แต่อย่างน้อยความโกรธเคืองครั้งนี้มันก็ทำให้ข้ารู้ว่าตัวเองเปลี่ยนไปแค่ไหน พวกกัปตันเรือทุกคนก็คงเป็นเหมือนกันหมด ทิฐิสูง ชอบวางอำนาจ ทนไม่ได้นักกับการถูกข่มด้วยวาจาและกำลัง แล้วข้าก็ไม่ต่างกัน….ไม่ต่างกันเลย…คำพูดของ ‘นายท่าน’ ที่ข้าเคยใส่ใจทุก ๆ คำ ตอนนี้ข้าสามารถปล่อยให้มันผ่านหูไปได้เหมือนลมที่พัดผ่านชั่วครั้งชั่วคราวเพียงเพราะว่ามันเป็นสิ่งที่ขัดใจข้าเท่านั้น

“ข้าจะลองพยายามดูแล้วกัน แต่ไง ๆ คนเราก็ต้องรักษาชีวิตตัวเองไว้ก่อนนี่นะ” ข้ารับปากกับเขา เรื่องที่จะไม่ลงมือปลิดชีวิตของเซธแม้ว่ามันจะพุ่งเข้ามาฆ่าข้าก็ตาม และแน่นอน…ข้าโกหก ราเกซเองก็คงรับคำแค่พอให้เรื่องสงบลงเท่านั้น

“….เพิ่งรู้ว่าท่านก็ชอบงานแบบนี้…มีเหล้า มีเกม มีเพลงให้เต้น…สนุกดีเหมือนกัน” ข้าเปรยขึ้นมา ตั้งใจจะชวนคุยให้บรรยากาศระหว่างกันกลับมาผ่อนคลายลงดังเดิม

“เห็นลูกเรือได้ครื้นเครงกันข้าก็ดีใจ” พูดเช่นนั้นแต่เขากลับถอนหายใจคล้ายมีความเหน็ดเหนื่อยซ้อนทับอยู่ “ยังมีแรงเที่ยวก็รีบทำซะเถอะเจ้าน่ะ แก่กว่านี้สังขารจะไม่อำนวย”

“เหมือนท่านน่ะรึ” ข้าอดจะหยอกกลับไปไม่ได้ “…แวะมาเที่ยวที่ฟินเชอรีบ้างสิ บ้านนอกไปนิดแต่ก็มีอะไรสนุก ๆ เยอะนะ”

พอความโกรธเคืองด้วยทิฐิในฐานะกัปตันซาลง ข้ากลับมาคิดถึงเขาอีกครั้ง เหมือนทุก ๆ ครั้ง…ครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องงาน อีกครึ่งหนึ่งเป็นความพอใจของข้าเอง ข้าต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับลิเวียธานให้มากขึ้น และในอีกทาง ถ้าเพียงสามารถพาราเกซกลับไปที่นั่นได้…ที่ ๆ พวกเราเคยไปเยือนด้วยกัน บางทีข้าคงมีเวลาได้เฝ้าดูตอนต่อของความฝันอีกสักหน่อย ความทรงจำที่สวยงามเหมือนกับความฝัน…ความตื่นเต้นดีใจขณะที่พวกเราลักลอบงมหอยมุกจากเทวสถานของเทพเจ้าแห่งท้องทะเลขึ้นมาได้เช่นครั้งนั้น

ข้าไม่อาจรู้ได้ว่าลึก ๆ แล้วตัวข้าต้องการอะไรกันแน่ แม้ว่าราเกซจะจำไม่ได้แล้ว แต่ถ้าได้กลับไปที่นั่นด้วยกัน บางทีมันอาจจะกลายเป็นฉากจบที่ดีก็ได้…ฉากจบสุดท้ายระหว่างเด็กน้อยคนนั้นกับเจ้านายของมัน

แล้วสิ่งที่หลงเหลืออยู่หลังจากนั้นจะได้มีเพียง ฉากโศกนาฏกรรมในสงคราม เท่านั้น

“ข้าก็แวะไปออกบ่อย แค่ไม่ได้โผล่ไปทักทายเจ้าเท่านั้น…” ราเกซเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้มที่จู่ ๆ ก็ดูแปลกไปจากเดิม ดวงตาสีทับทิมมีแววสุขใจเล็ก ๆ ยามที่ได้นึกย้อนกลับไปถึงการเดินทางในอดีต “จำได้…สมัยก่อนเทศกาลเก็บหอยมุกที่นั่นสนุกดี”

พอรู้ตัวอีกทีข้าก็พบว่าตัวเองชะงักคำพูดไป ไม่แน่ใจนักว่านานเท่าไร เมื่อได้สติจึงรีบเปล่งเสียงพูดออกไปก่อนที่อีกฝ่ายจะทันได้เอะใจ

“อ๋อ…เทศกาลนั่น…” ข้าพยายามแล้วที่จะวางท่าทีนิ่งเฉย แต่เมื่อได้ยินเรื่องนี้จากปากของอีกฝ่าย ในอกมันเหมือนมีความสุขเป็นคลื่นน้ำเอ่อล้นขึ้นมาช้า ๆ “…ท่านชอบไข่มุกหรือ ไม่เคยเห็นทางเซนติเนลบอกเลย ไม่งั้นข้าจะได้คัดที่สวยๆส่งไปให้”

“ก็ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษหรอก แค่จำได้ว่า…” ราเกซยกปลายท่อสูบของบารากุขึ้นแตะริมฝีปาก “มีความทรงจำดี ๆ อยู่…ข้ารู้จักเด็กคนหนึ่งที่เห็นไข่มุกที่นั่นแล้วทำตาโตอย่างกับเห็นโคตรเพชรแหน่ะ”

เขาหัวเราะ ดูคล้ายอิ่มใจ ดูคล้ายกำลังมีความสุขเมื่อเอ่ยพูดเรื่องนี้ออกมา “สาบานได้ข้าไม่มีวันลืมดวงตาคู่นั้นได้เลยจริง ๆ”

ความรู้สึกชาเกาะกินตัวข้าขึ้นมาจากปลายนิ้ว

ปกติแล้วข้าพยายามไม่คิดถึงอดีต…ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ทุกครั้ง…ทุกครั้ง…ได้แต่ละทิ้งมันไว้เบื้องหลัง เพราะอดีตที่มีแต่ความโศกเศร้าเจ็บปวดนั้นมันทำให้ข้าอ่อนแอ

ทว่าอดีตที่เต็มไปด้วยความสุข…กลับสามารถทำให้ข้าอ่อนแอได้ยิ่งกว่า

“…แค่เด็กธรรมดาคนเดียว….ท่านยังจำได้หรือ มันคงดีใจนะ.” ข้าสูบยาเข้าปอดอึกใหญ่ ทั้งที่ไม่ชอบมันเลย แต่หากไม่ทำ ข้าคงไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะเปล่งเสียงออกมา “…มันคงดีใจมาก หากรู้ว่าท่านยังจำมันได้…ข้าเชื่อแบบนั้น”

“ถ้าจริงอย่างเจ้าว่า…ข้าคงหมดห่วงไปได้เสียที” เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจะลุกขึ้นยืนท่ามกลางควันจาง ๆ ที่ปกคลุมบรรยากาศโดยรอบ ก่อนจะเดินห่างออกไปทางกลุ่มคนที่จอแจกันอยู่บริเวณเวทีหลังจากที่มีเสียงประกาศเชิญกัปตันของลิเวียธานขึ้นไป

ข้านั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นเนิ่นนาน ฤทธิ์ยาค่อย ๆ เจือจางลงอย่างเชื่องช้า พร้อมกับตัวตนครึ่งหนึ่งที่ทำท่าจะพังทลายลง ในวินาทีที่ได้รู้ว่าเขาไม่ได้ลืมเลือนเรื่องราวเหล่านั้นไปอย่างเช่นที่ข้าคิด ทุกอย่างดูคล้ายกำลังหมุนคว้างและพลิกจากหน้ามือไปหลังมือ

นานมาแล้วที่ข้าพยายามลืมเลือนแผ่นหลังนั้นที่ข้าเคยใฝ่ฝันจะไล่ตาม พยายามหลอกตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมดแล้ว ตัวตนของเขาที่ข้าเคยรู้จัก…คงไม่มีหลงเหลืออยู่อีก แค่เด็กคนเดียวกับช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ไม่ต่างจากเศษฝุ่นซึ่งลอยผ่านมาและผ่านไปนั้นจะมีคุณค่าอะไรให้เขาต้องจดจำ

แต่ความเป็นจริงได้ตอกหน้าข้ากลับมาตรง ๆ ว่าใช่ว่าเขาจดจำมันไม่ได้…กลับเป็นข้าเองต่างหากที่แปรเปลี่ยนไปเสียแล้ว แปรเปลี่ยนไปเสียจนหวาดกลัวเหลือเกินที่จะเอ่ยถามออกไปด้วยคำถามเรียบง่าย ว่า ‘ยังจำข้าได้หรือเปล่า นายท่าน…’

เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง ข้ามองเห็นเขา… ‘นายท่าน’ คนที่ข้าคุ้นเคยกำลังเดินไปทางห้องน้ำเพราะโดนพวกลูกเรือแกล้งด้วยยาบางอย่างจนต้องเข้าไปล้างตัว ข้าตรงเข้าไป ช่วยประคองเขา ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ทว่าเมื่อพวกเราหลบเร้นเข้าไปยังที่ลับตาผู้คนแล้ว ข้ากลับคว้าตัวเขาไว้แล้วบอกเล่าความรู้สึกออกไปด้วยรสจูบและการสัมผัสร่างกาย ความรู้สึกที่เอ่ยออกไปเป็นคำพูดไม่ได้มันทำให้รู้สึกราวกับหัวใจจะระเบิดออก เมื่อเขาพยายามผละออก ข้าดึงเขาไว้ ข้ารู้ว่าด้วยมือนี้ ข้าอาจจะคว้าเขาไว้ได้

ในยามนั้นข้าไม่ใช่ทั้งกัปตันแห่งบลูไวเปอร์ หรือแม้แต่เด็กคนนั้นที่เคยวิ่งไล่ตามเขาในอดีต ตัวข้าได้กลายเป็นสิ่งใดไปแล้วนั้น มันยากนักที่จะจับใจความและอธิบายออกมาได้ บางทีข้าอาจจะเป็นเพียงสิ่งนั้น เพียงผู้ใหญ่ที่เติบโตขึ้นมาด้วยความโลภและไม่รู้จักวิธีอื่นที่จะไขว่คว้าสิ่งสำคัญเอาไว้ได้ นอกจากดึงกระชากมาด้วยกำลัง

มือเล็ก ๆ ของข้าเคยทำเขาหลุดมือไปเมื่อครั้งอดีต แต่ตอนนี้กลับกัน…ข้าเติบโตขึ้นแล้ว มือทั้งสองข้างนั้นดูคล้ายถูกฉาบด้วยสีดำที่มืดมิดกว่าราตรีกาล สกปรกเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบไคลของความโลภและความเกลียดชังที่มีต่อการสูญเสีย แต่ข้าก็ยังเลือกที่จะโอบรั้งเขาไว้

ด้วยสองมือนี้…ต่อให้เป็นดวงอาทิตย์หรือท้องทะเลของเทพเจ้าซีอาร์หรือสิ่งใด ๆ ในโลก ข้าก็สามารถแย่งชิงมาได้ ‘การเติบโต’ สอนข้าไว้เช่นนั้น

.

.

.

Posted in EXPIV | Leave a comment

[EXPIV]-Co-op Event : Westward Wind – Southward Tide

.

logosmEntry นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Community PIRATE-IV

flaf-bd
CO-OP EVENT น่านน้ำ 1 และ น่านน้ำที่ 6

.

.

header01re

.

.

ข้อมูลเบื้องต้น :

  1. เป็นการตามปล้นเรือสินค้าลำใหญ่ที่มีเรือคุ้มกัน 2 ลำตามประกบ โดยการร่วมมือกับของดูมดอว์นและบลูไวเปอร์ เรือลำใหญ่คือเรือสินค้าที่ขนของมีค่าบางอย่างซึ่งจำเป็นต้องจ้างเรือคุ้ม กัน รวมทั้งลูกเรือคุ้มกันระหว่างขนส่ง
  • เรือที่ ตามคุ้มกันอีก 2 ลำไม่มีสินค้าสำคัญใดๆ แต่บรรจุอาวุธพร้อมรบเอาไว้ โดยเราสืบข่าวมาแล้วเรียบร้อย และมอบหน้าที่ให้พลปืนยิงทำลายได้เลย [ดูรายละเอียดใน : >> อีเวนท์ย่อยสำหรับพลปืน <<]
  • จะมีพายุเกิดขึ้นหลังจากทำการเข้าปล้นไปได้สักระยะหนึ่ง ทำให้ช่วงท้ายของการปล้นต้นหนต้องเข้ามาควบคุมเรือเพื่อไม่ให้เรือเสียหาย
    [ดูรายละเอียดใน : >> อีเวนท์ย่อยสำหรับต้นหน << ]
  1. เรือสินค้าเป็นเรือจากนอกทวีปกำลังเดินทางจากตอนใต้ของทวีปเกรทแกรนท์ไปยัง เชวาเรียเพื่อส่งสินค้า โดยจุดที่จะทำการปล้นจะอยู่ตรงบริเวณรอยต่อของน่านน้ำที่ 1 กับ 6
  2. มีการแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน (คละคนจากทั้งสองเรือ) สำหรับการบุกและการทำอีเวนท์ [ดูรายละเอียดใน : >> การแบ่งกลุ่ม << ]
  1. การเล่นจะมีระบบสุ่ม Shindan และจะมี Shindan ต่อเนื่องซ่อนอยู่ หากพบเหตุการณ์ต่อเนื่อง ให้นำ url จาก Shindan ต่อเนื่องนั้นแปะในหน้าต่างใหม่และทำการสุ่มผลลัพธ์ พร้อม screen capture ผลที่ได้ทั้งหมดเอาไว้สำหรับส่ง Entry [ดูรายละเอียดใน : >> การแบ่งกลุ่ม <<]  ((*ไม่ต้องแปะลงทวิตเตอร์ตัวละคร*))

  2. ถ้าอยากไปเจอคนในกลุ่มอื่นด้วยก็ได้ สามารถตกลงกันเองได้

.

.


+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + ++ + + + + + + +

.

.

กำหนดการ :

– โรลเปิด พฤ 12/2/58 เวลา 2 ทุ่ม (กัปตันและพลปืนต้องอยู่ครบ)

– โรลปิด อา 15/2/58 เวลา 2 ทุ่ม (กัปตันและต้นหนต้องอยู่ครบ)

– การโรลของแต่ละกลุ่มไม่มีเวลากำหนด สามารถไปโรลภายในกลุ่มกันต่อหลังวันปิดก็ได้

Tag : #WWAT

.

.

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + ++ + + + + + + +

.

.

รายชื่อกลุ่ม อีเวนท์ Co-Op

  1. อิกกี้, กูล, ไวแอต, เครซ
  2. กีโยม, รอย, บริตจิท, ชาโต้
  3. เดียบาวน์, ยูจีน, รีส, แซงค์
  4. ซานอส, ยูล, โรเซน, วาเลน
  5. อองรี, ชามอย, ราร์ธ, เฟลอร์เบียร์
  6. วิโตมีร์, ฟาร์ดีน, น็อกซัส, โยฮัน
  7. บราวน์, ซาวี่, เอ็นดี, เกอร์ด้า
  8. คิลเลี่ยน, เชอร์ลีย์, ไกอัส, วาส
  9. เซนซิส, เจโรม, ซาบี้, เจอรี่

.

.

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + ++ + + + + + + +

.

.

สรุปเนื้อเรื่องคร่าวๆ

เรือสินค้าลำใหญ่พร้อมเรือคุ้มกัน 2 ลำจากนอกทวีปกำลังเดินทางจากตอนใต้ของทวีปเกรทแกรนท์ไปยังเชวาเรียเพื่อส่ง สินค้า โดยสินค้าในเรือส่วนใหญ่เป็นสินค้าหรูหราที่จะนำไปส่งให้พวกขุนนาง ทั้งเฟอร์นิเจอร์ เครื่องประดับ อาวุธ และของตกแต่งต่างๆ

ทางบลูไวเปอร์และดูมดอว์นได้ยินข่าวเรื่องเรือสินค้าจากต่างถิ่นลำนี้กันมาพัก ใหญ่แล้ว ระหว่างนั้นพวกเขาได้มีการแลกเปลี่ยนข่าวสารผ่านต่อกันระหว่างสองน่านน้ำและ ได้มีการนัดหมายล่วงหน้า หลังจากที่ตกลงผลประโยชน์กันได้ เรือโจรสลัดทั้งสองลำล่องผ่านคาบสมุทรตะวันตกและแดนใต้ออกมายังเขตแดนที่ ทั้งสองน่านน้ำบรรจบกันเพื่อรอดักปล้น ทั้งนี้จะมีการตกลงแบ่งสมบัติกันหากการปล้นสิ้นสุดลง

.

.

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + ++ + + + + + + +

.

.

โครงเรื่องหลัก 

  • เนื่องจาก เรือสินค้าจะมุ่งหน้าเข้าไปทางน่านน้ำ 6 เพื่อไปยังเชวาเรีย จึงมีการกำหนดให้ดูมดอว์นเป็นฝ่ายเข้าไปดักหน้าเรือสินค้า โดยบลูไวเปอร์จะตามมาสมทบเพื่อปิดทางหนีของเรือสินค้าไม่ให้ย้อนกลับไปทางเดิมได้
  • เรือ สินค้าหลักตัดสินใจพยายามหนีโดยมุ่งหน้าไปทางเชวาเรียต่อ มีเรือคุ้มกันทั้ง 2 ลำคอยช่วยเปิดทางให้ และกันไม่ให้เรือโจรสลัดไล่ตามได้สะดวกนัก ดูมดอว์นและบลูไวเปอร์จึงแยกกันไปโจมตีเรือคุ้มกันคนละลำก่อน สภาพแวดล้อมคือพายุฝนเริ่มตั้งเค้าและเริ่มมีลมแรง ค่อนข้างยากต่อการยิงปืนใหญ่ [ดูรายละเอียดใน : >> อีเวนท์ย่อยสำหรับพลปืน << ]
  • หลังจากที่ทำลายเรือคุ้มกันเรียบร้อยแล้ว เรือโจรสลัดทั้งสองจะไล่ตามเรือสินค้าไป เรือ ที่เป็นผู้ทำลายเรือคุ้มกันได้ก่อนจะใช้ความเร็วแรงลมเพื่อนำไปดักหน้าเรือ สินค้าไว้ และเรืออีกลำจะเป็นฝ่ายสกัดโดยการกระแทกเข้ากาบเรือด้านข้าง (กัปตันเป็นผู้ควบคุมเรือ)
  • เมื่อ แบ่งทีมขึ้นเรือแล้ว ให้แต่ละกลุ่มแยกย้ายไปโรลกันได้ตามอัธยาศัย โดยทางกัปตันจะมีการโรลสถานการณ์หลักแทรกขึ้นมาเรื่อย ๆ (ทางลูกเรือไม่จำเป็นต้องปรับการโรลให้เข้ากับเหตุการณ์หลักที่มีการประกาศ)
  • เมื่อลูกเรือจากเรือทั้งสองลำบุกเข้า ไปด้านในขณะที่ยังคงมีการต่อสู้ กัปตันเรือโจรทั้งสอง (บูลไวเปอร์ และดูมดอว์น) จะเป็นผู้จัดการกัปตันเรือสินค้า ระหว่างที่มีการปะทะอยู่โดยรอบ
  • จนเมื่อกัปตันเรือสินค้าถูกจับและพาตัวออกมาจาก ที่หลบซ่อนด้านใน เขาจะถูกเค้นหาข้อมูล (ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลของเรือสินค้าที่จะมารอบต่อไป เส้นทางการเดินเรือที่พวกเขายังไม่อาจค้นพบ และการต่อรองอื่นๆ) โดยมีการทำสัญญาปากเปล่าว่าจะไว้ชีวิตพวกที่เหลือและนำส่งบนฝั่งที่ใกล้ที่ สุด ทว่านั่นเป็นเพียงกลลวง กัปตันเรือสินค้าคาดเดาเหตุกาณ์ได้จึงข่มขู่ถึงระเบิดที่ถูกวางไว้หมายจะ ปลิดชีพพวกโจรที่บุกปล้นให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันฝนก็เริ่มตกแรงขึ้นเรื่อยๆ
  • เมื่อสถานการณ์เริ่มตึงเครียด กลุ่มโจรสลัดไม่มีเวลามากพอที่จะปลดระเบิดออก กลุ่มของลูกเรือจำต้องเร่งมือและเร่งฝีเท้าขนทั้งสมบัติและพาพรรคพวกหนีกลับ เรือของตัวเองขณะที่เริ่มเกิดเสียงระเบิดดังจากใต้ท้องเรือสินค้า
  • พายุฝน เริ่มเทกระหน่ำลงมา คลื่นทะเลพัดแรง ทุกคนขนย้ายของกลับไปที่เรือตัวเองจนเสร็จ และต้นหนต้องรีบกลับไปที่เรือตัวเองเพื่อควบคุมเรือ
    [ดูรายละเอียดใน : >> อีเวนท์ย่อยสำหรับต้นหน << ]
  • ระหว่างนั้นเรือโจรทั้งสองจำต้องรีบหันหัวเรืออกจากตัวเรือสินค้า แรงสั่นสะเทือนขนาดหนักดระทบเข้ากับตัวเรือโจรทั้งสองจนโคลงรุนแรง
  • เรือโจรทั้งสองลำล่องออกพ้นระยะอันตราย เรือสินค้าเกิดการระเบิดรุนแรงจนอับปางลงในที่สุด
  • คำนวนความเสียหายของเรือแต่ละลำที่ได้จากการสุ่ม โดยรวมผลลัพธ์ พลปืน+ต้นหน
  • เรือโจรทั้งสองแวะหลบพักซ่อมแซมเรือในเกาะที่ใกล้ที่สุด ก่อนจะมีการสังสรรค์ให้แก่ความสำเร็จด้วยกัน
  • เรือโจรทั้งสองลำล่องออกพ้นระยะอันตราย เรือสินค้าเกิดการระเบิดรุนแรงจนอับปางลงในที่สุด
  • คำนวนความเสียหายของเรือแต่ละลำที่ได้จากการสุ่ม โดยรวมผลลัพธ์ พลปืน+ต้นหน
  • เรือโจรทั้งสองแวะหลบพักซ่อมแซมเรือในเกาะที่ใกล้ที่สุด ก่อนจะมีการสังสรรค์ให้แก่ความสำเร็จด้วยกัน
  • จบ CO-OP อีเวนท์ .

.

.

+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + ++ + + + + + + +

.

.

ขอบคุณญ่าที่ช่วยทำรายละเอียดด้านเนื้อเรื่องและทำชินดันให้นะ /โค้ง

.

Posted in EXPIV | Leave a comment

[EXPIV] NPC คนครัว

.

logosmEntry นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Community PIRATE-IV

.

.

Cole Wolfsbane

“พวกเจ้ารู้เรื่องของเดรกฝ่ายช่างไหม เหมือนว่าที่เจ้านั่นถอยห่างจากเอ็นดีจะเพราะกลัวนะ แต่ว่าเจ้านั่นก็ไม่เข้าใกล้สิ่งที่มีขนาดเล็กมานานแล้วนี่เนอะ แต่ข้าก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องถอยห่างด้วย แล้วจะถอยห่างชาโต้รึเปล่า? แต่ถึงเอ็นดีจะตัวเล็กแต่ก็ตัวใหญ่กว่าพวกหนูกับแมวนะ ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ… เออ จะว่าไปเรื่องของรองที่อกหักน่ะ พวกเจ้าคิดว่าเพราะอะไร ข้าว่าน่าจะเพราะ……”

“พวกเจ้ารู้รึเปล่า ข้าได้ยินมาว่า…”

“สวัสดี ข้าว่าข้ารู้เรื่องซักอย่างของเจ้านะ แค่อยากรู้ว่าจริงรึเปล่าเลยจะมาถามให้แน่ใจ”

ชื่อ : โคลด์ วูล์ฟเบน (ชื่อจริงไม่ปรากฏ)

อายุ (ณ SD.118) : 29 ปี
เพศ : ชาย
น้ำหนัก / ส่วนสูง : 77 kg / 180 cm
เชื้อชาติ (ชนเผ่า) / บ้านเกิด : เชวาเลียน ครึ่ง แวนเดียน / ฟินเชอรี (ริเบโร พอร์ท)
ตำแหน่ง : ผู้ช่วยพ่อครัว
ระยะเวลาที่อยู่กับ BV : 2 ปี
งานที่ถนัดเป็นพิเศษ : ทุกอย่างที่ต้องใช้มีด โดยเฉพาะการเลาะและตัด/หั่น

ลักษณะนิสัย :

– เป็นคนช่างพูดช่างคุย สามารถพูดได้เรื่อยๆและพูดได้ไม่หยุดแม้ว่าตอนนั้นจะกำลังทำอะไรอยู่ก็ตาม แต่ถ้าบอกให้เขาหยุดเขาก็จะเริ่มถามคำถามจนน่าปวดหัว เพราะแบบนั้นคนในครัวเลยไล่ให้เขาไปอ่านหนังสือเยอะๆ เวลามันจะพูดจะได้ให้มันเล่าเรื่องที่อ่านมาแล้วให้ฟังกัน (จากที่อาศัยอยู่ด้วยกันมาก็ดูจะพูดได้ไม่หยุดเลยยกเว้นตอนกินและนอน)

– ถึงจะชอบพูดและจะเล่าเรื่องโน่นนี่นั่น (อาจจะรวมไปถึงเรื่องที่ตัวเองเจอประจำวัน หรือเรื่องของชาวบ้านที่ตัวเองไปเห็นมา เรื่องนก เรื่องแมว ฯลฯ) แต่ถ้าถามว่าก่อนขึ้นเรือมาเขาเป็นอะไรหรือทำอะไรมาก่อน ลูกเรือทุกคนก็มักได้คำถามที่ไม่ตรงกันตลอด ทำให้ไม่รู้ว่าเรื่องไหนเรื่องจริงหรือแต่ง
ขยันทำงาน ขอแค่ปากยังพูดอยู่งานก็จะเดินไปเรื่อยๆ ปิดปากเมื่อไหร่งานก็จะหยุดตามไปด้วย
แต่ถ้าเรื่องไหนที่ถูกกำชับว่าเป็นความลับ ก็จะไม่บอกใคร เฉไฉ หรือไม่ก็พูดเรื่องอื่น ไม่ก็ปั้นเรื่องโกหกตอบคนถาม (บางทีเรื่องอาจจะออกมาแย่กว่าเดิมก็ได้)

– เขามักจะยิ้มตลอดเวลาไม่เว้นแม้แต่ตอนโกรธ วิธีแยกง่ายๆคือให้มองตา ถ้าสายตานิ่งสนิทคือกำลังโกรธอยู่แน่นอน

– ปล.เคยตกหลุมรักสาวนางหนึ่งในเรือ เวลาเจอเธอเขาจะเงอะงะมากและซุ่มซ่ามมาก ๆ แต่พอมารู้ทีหลังว่าความจริงแล้วเป็นแค่รีสที่แต่งหญิงหัวใจก็หักดังเป๊าะ เป็นเรื่องที่ทำให้เขาอับอายมากที่สุดในชีวิต

ลักษณะ / การแต่งกาย :

– ผมดำตัดสั้น ตาสีเขียวหัวเป็ด (ชอบจ้องตาคู่สนทนาหากคุยกันสองต่อสอง) ผิวโดนแดดจนคล้ำตามภาษาชาวเรือ รูปร่างสมส่วนมีกล้ามเนื้อ

– สักลาย >นี้<ที่แขนซ้าย / >นี้< ที่ไหล่ขวายาวมาถึงศอก / ลาย >นี้< ที่หลังคอ และ ลาย >นี้< ที่กลางหลัง

– สวมเสื้อกล้ามสีอ่อนบางทีก็เปลือยบน กางเกงผ้าสามส่วน ใช่ผ้ามัดเอา ใส่รองเท้าสานไม่ก็เท้าเปล่า มีผ้าคาดหัวลายแปลกๆที่เปลี่ยนไปๆมาๆตามแต่วัน ใส่ต่างหูสองข้าง

.

.

Zaziliza Salazill

“ข้าชอบผีเสื้อ พวกมันสวยดี และรอยสักก็มีความหมายที่ดี”

“ผู้ชาย ผู้หญิง ข้าได้ทั้งนั้น..แต่ข้าสกปรกมากนะ ถ้ารับได้ข้าก็นอนกับพวกเจ้าได้”

“อ๋อ แผลที่หน้าข้า? ผู้หญิงคนหนึ่งฝากมันไว้ ส่วนแผลที่แขนนี่ก็มาจากผู้หญิงอีกคน ที่ตรงนี้ก็จากอีกคน แผลตามตัวข้าผู้หญิงหลายคนทิ้งมันไว้ให้ทั้งนั้น.. ผู้ชาย? ใช่ พวกเขาก็ฝากรอยแผลไว้ที่ข้าเหมือนกัน แต่แผลนั้นไม่ได้อยู่ในที่ที่พวกเจ้ามองเห็นทั้งหมด บางส่วนมันอยู่ที่ใจของข้า…แต่ข้าก็ไม่เคยเข็ดซักที”

ชื่อ : เซซิลิซา เซลาซิล
มักเรียกกันว่า “ลิซา” เพราะชื่อออกเสียงยาก

อายุ (ณ SD.118) : ราวๆ 20 – 25 ปี ไม่มีใครรู้อายุจริงของนาง
เพศ : หญิง
น้ำหนัก / ส่วนสูง : ?? kg (ไม่มีใครรู้เพราะไม่ยอมบอก) / 172 cm / คัพ B+
เชื้อชาติ (ชนเผ่า) / บ้านเกิด : เชวาเลียน ครึ่ง ดันเตเลียน / เดสเควนท์
ตำแหน่ง : ผู้ช่วยพ่อครัว
ระยะเวลาที่อยู่กับ BV : 1 ปี
งานที่ถนัดเป็นพิเศษ : งานใช้แรง, และเพราะเป็นสาวที่สามารถยืนเฉย ๆ ได้เป็นชม.โรเซนเลยมอบหมายงานเกี่ยวกับการต้ม อบและนึ่งส่วนมากให้เธอไป

ลักษณะนิสัย :

– มนุษยสัมพันธ์ดี ไม่ขี้งอน ไม่ขี้โวยวาย(แต่จะรำคาญพวกคนไม่มีเหตุผลง่ายเป็นพิเศษ) ไม่ถือสาอะไรกับการเล่นที่ลามปามถึงเนื้อถึงตัว(เช่น จับหน้าอก)แต่อาจจะเล่นคืน หน้าด้านหน้าทน ชอบเล่นลิ้น และมีความอดทนเป็นที่สุด แต่ก็มีมารยาตามฉบับสาวๆอยู่เพียบแค่ปกติแล้วไม่ค่อยขุดขึ้นมาใช้ถ้าไม่จำเป็น

– ตอนแรกๆที่มาคิดว่ากัปตันเกลียดตัวเอง หลังๆชอบไปแกล้งกัปตันเล่นเพราะเห็นว่าที่กัปตันไม่ค่อยเข้าใกล้สาวๆมันก็ตลกดี ชอบแกล้งเจอร์รี่ให้เงอะงะเล่น แล้วก็มักจะเข้าหาพวกที่ดูจะอายค่อนข้างง่าย
เป็นสาวที่ผ่านอะไรมาโชกโชนพอตัว ตั้งแต่โสเภณียาวจนมาถึงโจรสลัด มีแผลเป็นเยอะและจำได้หมดทุกว่าแผลแต่ละแผลนั้นเกิดจากอะไรบ้าง และไม่อายหากมีคนเดินมาเห็นตอนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้า อาจจะหันไปมองแล้วยิ้มให้ทักทายก่อนเปลี่ยนชุดต่อไป

– กับอินดิโก้แล้วเหมือนเป็น “น้องจ๋า” กับ “เจ้ขา” สองคนนี้สนิทกันมากที่สุด

ลักษณะ / การแต่งกาย :

– ผมสีน้ำตาลดำหยักศกเล็กน้อยยาวระบ่า รวบไว้เป็นหางม้าเล็กๆ (สมัยก่อนหน้าผมยาวถึงสะโพกแต่ตัดทิ้งไปตอนมาช่วยงานครัว) ตาสีดำคมกริบ มีแผลเป็นยาวที่ใบหน้า สวมต่างหูห่วงข้างซ้ายข้างเดียว ผิวสีแทน มีแผลเป็นตามตัวใหญ่บ้างเล็กบ้างตั้งแต่หน้าจรดเรียวขา

– สักลาย >นี้< ที่เอว / สักลาย >นี้< ที่หลัง (แค่ส่วนลายผีเสื้อ) กับลาย >นี้< ตรงนั้นแหละ (ลายนี้โคลด์สักให้) ตอนนี้กำลังมองหารอยสักไปสักที่ขาอยู่

– เปลือยท่อนบนแต่ใช้ผ้ารัดหน้าอกแทนการสวมใส่ กางเกงขายาวมีผ้าพันเอวเหมือนชายคนอื่น บูธยาวเกือบถึงเข่ามีส้นเล็กน้อย พันผ้าที่มือยาวถึงข้อศอก

.

.

Indigo Billybear

“แหม หนุ่มๆนี่ไฟแรงดีกันจังเลย <3”

“เรือโน้นก็หนุ่มหล่อ เรือนั้นก็ดีงาม เรือโน้นก็ดูดี เฮ้อ เกิดมาสวยนี่เลือกลำบากจัง แต่ราชนาวีก็เลอค่า ตายแล้ว ทำไมรอบตัวข้ามีแต่อาหารตาแบบนี้นะ”

“เรื่องของ xxx ที่หลงรัก ooo น่ะเหรอ ต๊าย อย่าให้ข้าเซดไปนะลิเซ.. สองคนเนี๊ยะเขากิ๊กกันจริงนะเธอจ๋า ไม่เห็นตอนส่งตาหวานให้กันเหรอยะ? ใช่…ใช่ แหม แค่มองดูก็รู้แล้วย่ะ มันเป็นการสัมผัสออร่าน่ะเข้าใจไหม ไหนจะก็เรื่องของ yyy ที่แอบชอบ www อีก เรื่องนี้โคลด์เป็นพยานได้เลยนะ”

ชื่อ : อินดิโก้ บิลลี่แบร์

อายุ (ณ SD.118) : 33 ปี
เพศ : ร่างกายเป็นชาย จิตใจเป็นหญิงสาว
น้ำหนัก / ส่วนสูง : 82 kg / 189 cm
เชื้อชาติ (ชนเผ่า) / บ้านเกิด : ดันเตเลียน / อียาร์ซเซอร์
ตำแหน่ง : ผู้ช่วยพ่อครัว
ระยะเวลาที่อยู่กับ BV : 2 ปี
งานที่ถนัดเป็นพิเศษ : ทำพวกของอบแห้ง, งานใช้แรงต่างๆ, งานละเอียดอ่อน (ที่ลิซ่าทำไม่ได้)

ลักษณะนิสัย :

– เฮฮาร่าเริง รักน้ำรักปลารักซากุระ รักเด็กและผู้ชายเป็นพิเศษ ผู้หญิงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้ ไม่ได้แอนตี้ชะนีจ๋าอะไร เป็นคนแบ่งเวลาเป็น งานคืองาน เล่นคือเล่น ส่วนมากแล้วเป็นอาเจ้ที่ดี มีความเป็นผู้ใหญ่(แต่มักเล่นมากกว่า) ช่างสังเกตมาก

– ปกติแล้วมีเรื่องเมาท์มอยกับโคลด์และลิซาได้แทบตลอดเวลาตอนทำอาหารในครัว ซึ่งบางเรื่องก็ไม่รู้ว่าสามคนนี้ไปรู้มาจากไหน

– ใช้เครื่องบำรุงผิวของ EEH แต่ไม่ใช่พวกแต่งหน้าแต่งตาเพราะรู้ดีว่าแต่งไม่ขึ้น แต่ชอบแต่งให้กับสาวๆคนอื่นในเรือ มีความปลาบปลื้มใจมากเวลารีสแต่งสาวเป็นพิเศษ

– ปล. ลิซาบอกว่าความจริงแล้วอินดิโก้น่าจะชอบผู้ชายแต่เกิด โคลด์บอกว่าอินดิโก้น่าจะเคยชอบผู้หญิงมาก่อน แต่อินดิโก้บอกว่าความจริงแล้วก็ได้หมดแค่ชอบผู้ชายมากกว่า แต่เพราะจิตใจเป็นสาวน้อย(?)เลยมองสาวๆเป็นเพื่อนน่ะนะ

ลักษณะ / การแต่งกาย :

– ชายร่างสูงที่มีกล้ามเนื้อและมัดกล้ามสมส่วน รูปร่างสูงสง่า ไม่ไว้หนวดไว้เครา ผมสีดำหยกศกยาวถึงกลางหลัง มัดรวบเป็นหางม้าต่ำ ตาสีเหลือง ผิวสีเข้ม จัดได้ว่าเป็นชายที่มาดแมนมากถ้าให้นั่งอยู่เฉยๆไม่เปิดปากพูดอะไร

– สักลาย >นี้< ที่หลัง

– แต่งกายด้วยเสื้อสีขาวแขนยาวพับแขนเปิดอก กางเกงขายาว บูธยาว กับผ้าคาดเอวสีม่วงเข้ม

.

.

.

Posted in Uncategorized | Leave a comment

[EXPIV] NPC ช่างไม้

.

logosmEntry นี้เป็นส่วนหนึ่งของ Community PIRATE-IV

.

.

Drake

ชื่อ : เดรก (ไม่ทราบนามสกุล)

อายุ (ณ SD.118) : 29 ปี
เพศ : ชาย
น้ำหนัก / ส่วนสูง : 70 kg / 179 cm
เชื้อชาติ (ชนเผ่า) / บ้านเกิด : ดันเตเลียน / เดสเควนท์
ตำแหน่ง : ผู้ช่วยช่างไม้
ระยะเวลาที่อยู่กับ BV : 3 ปี
งานที่ถนัดเป็นพิเศษ : งานใช้แรงงานทั่วไป, งานแกะไม้

ลักษณะนิสัย :
โผงผาง เสียงดัง บ้ายอ คุยสนุก สนิทกับคนง่าย ขยัน แรงดี แต่เขินเอ็นดี แถมกลัวเพรียงและสัตว์เล็กอื่นๆ เช่น หนอน หนู (อนึ่งมีข้อสงสัยว่า อันที่จริงเขาไม่ได้เขินเอ็นดี แต่ “กลัว” เอ็นดี เหมือนที่กลัวสัตว์เล็ก ๆ อื่น ๆ เลยพยายามเลี่ยงหรือหลบหน้าเอ็นดี)

ลักษณะ / การแต่งกาย :

– โกนหัว ที่ท้ายทอยสักลายยาวลงไปจนถึงหลัง (ซึ่งสวมเสื้อทับไว้) ตาสีดำ ผิวคล้ำแดด เจาะคิ้วขวา มีกล้ามเนื้อประมาณหนึ่ง ไม่มากไม่น้อย

– สวมเสื้อพับแขนไม่ติดกระดุม กางเกงขายาว มีผ้าคาดเอว ปกติใส่บูธ แต่ส่วนมากมักลืมเพราะไม่ชอบใส่รองเท้า ต้องโดนไล่ให้ไปใส่รองเท้าทุกทีก่อนมาทำงานช่าง (“ไม่ใส่รองเท้าแล้วมันอันตรายนะเฟ้ย!” ราร์ธได้กล่าวไว้)

.

.

Nathanael Wainwright 

ชื่อ : นาธานาเอล เวนไรท์
สำหรับคนที่สนิทเรียกสั้นๆได้ว่าไอ้เวน..

อายุ (ณ SD.118) : 35 ปี
เพศ : ชาย
น้ำหนัก / ส่วนสูง : 68 kg / 185 cm
เชื้อชาติ (ชนเผ่า) / บ้านเกิด : ดันเตเลียน / อียาซเซอร์
ตำแหน่ง : ผู้ช่วยช่างไม้
ระยะเวลาที่อยู่กับ BV : 1 ปี
งานที่ถนัดเป็นพิเศษ : งานเหล็กงานไม้จิปาถะ (ได้อย่างละนิดละหน่อย) จะเป็นคนคอยบำรุงดูแลเฟอร์นิเจอร์ในเรือ สามารถเรียกไปซ่อมตู้เตียงโต๊ะได้

ลักษณะนิสัย :

– ช่างพูดช่างคุย เจ้าสำราญ มนุษยสัมพันธ์ดี ขี้เล่น ออกแนวเจ้าเล่ห์ ชอบแกล้งชอบหยอก ชอบดื่ม ชอบสาวๆ เป็นตาลุงเพลย์บอยเจ้าสำอางค์ (ลูกค้าประจำของ EEH) ที่นิสัยไม่ค่อยได้เรื่องติดไปทางขี้เกียจชอบอู้ไม่ค่อยจริงจังถ้าไม่จี้ แห้วเป็นนิจ ติดการพนัน (มักมายืมเงินพวกทีมช่าง) เป็นหนึ่งในแก๊งพี้ไม้กับซาบิเอร์ และราร์ธชอบไม้หอมๆเหมือนกัน

– มักจะแอบหยอดแอบเหล่เจ๊บริตจิท แกล้งพวกหัวอ่อนอย่างเจอร์รี่ หรือรีส ไม่ก็พวกหน้าตายอย่างโรเซน แซงค์ เอ็นดูเอ็นดี กับหนวดขาวชอบอุ้มชอบจับมาขี่คอแล้ววิ่งใส่ไอ้โล้นเดรก เป็นลูกคู่กับไวแอตต์ น็อกซัสชวนก๊งชวนหลีสาว เกรงใจท่านไกอัส มีอยู่คนเดียวนี่ล่ะที่จะเรียกว่าบอสลงท้ายด้วยขอรับ แอบอิจฉาหมอโยฮันเบา ๆ พยายามทาบทามลูกสาวหมออยู่ ตอนนี้กำลังคิดว่าถ้าไม่ได้เมียซักทีจะแต่งกับลูซี่แทนแล้ว

ลักษณะ / การแต่งกาย :

– ผมยาวตรงสีทองมีหน้าม้าปัดขวา โดยปกติแต่ละวันจะมัดผมไม่ค่อยซ้ำแบบบางวันมาเป็นจุกบางวันมาเป็นทวินเทล แต่ถ้าถึงเวลาทำงานจะมัดผมหางม้าเพื่อไม่ให้เกะกะต่อการทำงาน ตาสีฟ้า ผิวขาวเพราะดูแลดี แต่ไม่ชอบโกนหนวดโกนเคราต้องมีไว้หรอมแหรมเป็นเสน่ห์แบบลุงๆ เจาะหูเป็นห่วงเล็กๆทั้งสองข้าง

– สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวปักลายดอกไม้ เปลือยอกเล็กน้อยโชว์ขนหน้าอกให้พอเซ็กซี่ ใส่กางเกงสีไหนแล้วแต่วันและอารมณ์ ใช้ผ้าพันเอวแทนเข็มขัด ติดอุปกรณ์ช่างไว้ที่ต้นขาและรองเท้าบู๊ทแบบครึ่งแข้ง สวมจี้รูปสัญลักษณ์บูชาเทพแห่งทะเล

.

.

Jericho Cole

ชื่อ : เจอริโค่ โคล

อายุ (ณ SD.118) : 32 ปี
เพศ : ชาย
น้ำหนัก / ส่วนสูง : 90 kg / 179 cm
เชื้อชาติ (ชนเผ่า) / บ้านเกิด : ลูกครึ่งแวนเดียนดันตาเลี่ยน / เมนยาร์ด
ตำแหน่ง : ผู้ช่วยช่างไม้
ระยะเวลาที่อยู่กับ BV : 2 ปี
งานที่ถนัดเป็นพิเศษ : งานเหล็กจิปาถะ, งานไม้ขนาดใหญ่, งานแนวแรงงาน

ลักษณะนิสัย :

– โดยรวมนั้นเป็นคนกลาง ๆ สบาย ๆ ไหลไปตามน้ำ สั่งอะไรมาก็ทำ ตั้งใจทำงาน ดื่มหนัก ไม่สูบฝิ่น หน้าเงินนิดหน่อย ถ้าใครมาขอยืมก็คิดดอกพอเป็นพิธี (ซึ่งขาประจำที่มายืมไม่ใช่ใคร ไอ้เวน นี่เอง…) เมื่อเรือหยุดที่ท่าไหนจะแวะลงไปขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ลงทุนเองเอาเงินเข้ากระเป๋า

– ความจริงเป็นคนที่ชอบพวกไม้หอมกับแร่ กลัวเลือด แต่ไม่แสดงออกต่อหน้าคนอื่น (เวลามีคนบาดเจ็บจนเห็นเลือดพี่แกจะหนีไปอยู่ที่ท้องเรือทันที แต่ถ้าเห็นจะๆคือ พี่แกจะเป็นลมตรงนั้นเลย #เอวัง) ขี้น้อยใจถ้าเวลามีคนแซวเรื่องหุ่นแก ตอนนี้พยายามอย่างยิ่งที่จะลดพุงอย่างแรง (แต่คิดว่าคงไม่มีวันเพราะพันธุกรรมแวนเดียนล่ะมั้ง? 555)

ลักษณะ / การแต่งกาย :

– เป็นชายร่างท้วมที่ได้อิทธิพลจากพ่อที่เป็นชาวแวนเดียน แต่ก็ได้ความสูงมาจากแม่ที่เป็นดันตาเลี่ยน ผมสีดำหยิกงอประบ่ามักจะถูกถักเปียหลายๆเส้น มีเครื่องประดับจำพวกลูกปัดหรือลูกปัดเงินแซมตามเปียที่ถัก ไว้หนวดเฟ้มตามประสาแวนเดียนทั่วไปแต่ก็ถัดเปียไม่ให้เกะกะเวลาทำงาน ผิวสีขาวเหลือง ตาสีน้ำเงิน

– ไม่มีรสนิยมเจาะและสัก (เหตุผลคือมันกลัวเจ็บ…) แต่งตัวค่อนข้างรัดกุมแบบชาวแวนเดียน จนหลายคนทักว่า “รัดจนแทบพุงจะปลิ้นแล้ว” คาดอุปกรณ์ช่างไว้รอบเอวหนาๆ

.

.

.

Posted in Uncategorized | Leave a comment